Archive for ตุลาคม 4th, 2006

เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยกะรัฐประหาร

ตุลาคม 4, 2006

รูปจาก rogeraubrey.typepad.com
ก่อนอื่นผมต้องขอบอกว่าผมเป็นคนไทยคนหนึ่ง ที่รักแผ่นดินนี้พอๆกับคนไทยคนอื่น ผมอยากที่จะเห็นบ้านเมืองสงบร่มเย็น ประชาชนอยู่อาศัยกันอย่างมีความสุขเท่าเทียมกันอยู่บนพื้นฐานของคำว่ายุติธรรม และอีกอย่างผมก็ต่อต้านอดีตรบ.ทักษิณด้วย

หลังจากที่มีเหตุการณ์รัฐประหารเกิดขึ้นได้มีแนวคิดแตกออกมาเป็นสองฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็เป็นความแตกต่างที่ไม่ได้จะถึงขั้นชิงชังกันเหมือนครั้งก่อนหน้านี้ หากแต่มีความสามารถบ่งบอกได้ถึงความคิดพื้นฐานของคนไทยที่มีต่อประชาธิปไตย

เห็นด้วย
เห็นได้ชัดว่าหลังจากเช้าวันต่อมา(หรือก่อนหน้านั้น)ที่ทุกคนได้รับรู้ว่าใครเป็นผู้ก่อรัฐประหาร แน่ใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คุณทักษิณ ทุกๆคนต่างโล่งอกดีใจเพราะเกรงกันว่าเช้าวันต่อมาและหลังจากนั้นไปอาจเกิดเหตุวุ่นวาย การชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อและอาจเลยเถิดไปถึงขั้นม็อบตีม็อบได้

เพราะฉะนั้นการกระทำของคปค.(หรือตอนนี้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ)จึงช่วยคลายความตึงเครียดตรงนี้ลงไป เป็นการล้มกระดานแล้วเริ่มต้นกันใหม่ แล้วนำคนที่เป็นกลางทุกคนพอใจที่เข้ามาบริหารจัดการการปฏิรูปบ้านเมืองในครั้งนี้

เหตุผลหลักที่ทุกคนที่เห็นด้วยดูจะเน้นกันที่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองเป็นหลัก ซึ่งการกระทำครั้งนี้เป็นหยุดยั้งการเผชิญหน้าทางความคิดระหว่างกลุ่มต้านและหนุน”ทักษิณ” ซึ่งหลายครั้งเป็นการปะทะกันที่รุนแรงและยึดติดกับแนวความคิดของทั้งสองฝ่ายมากเกินไป และในที่สุดอาจนำไปสู่การนองเลือดได้

จึงเห็นได้ชัดสังคมไทยโดยส่วนใหญ่(ตามผลสำรวจ)เชื่อว่าการถกเถียงทางความคิดโดยใช้เหตุผลไม่สามารถยุติและหาจุดกึ่่ึงกลางได้ ทั้งนี้เป็นเพราะการมีอัตตารวมไปถึงการที่ทุกคนมีพื้นฐานความรู้และมุมมองที่ต่างกันอย่างมาก

ไม่เห็นด้วย
ถึงแม้ว่าแนวคิดที่สนับสนุนจะเน้นในเรื่องของความสงบสุขในบ้านเมืองเป็นหลัก แต่สำหรับแนวคิดด้านต้านแล้วเห็นว่าเป็นการขัดหลักการประชาธิปไตย เป็นการกระทำที่ไม่ได้ผลักดันโดยประชาชนจิงๆ นำโดยคณะกลุ่มคนเพียงจำนวนน้อย และผลของมุมมองของคนจำนวนน้อยที่ว่านี้ เริ่มส่งผลออกมาให้เห็นได้ในรูปแบบของการร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ขาดการมีส่วนร่วม และกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เองก็พบว่าอาจไม่บรรลุผลได้จิงตามที่ได้กำหนดไว้(อ่าน ระวัง ร่างรธน. ขาดการมีส่วนร่วมอย่างแรง” )

นอกจากจะขัดหลักประชาธิปไตยยังเป็นการทำลายซึ่งความหวังของการปฏิรูปการเมืองโดยประชาชนที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่มีความหวาดระแวงในตัวอดีตรัฐบาลทักษิณ ถ้าหากเกิดไม่มีรัฐประหารขึ้น แน่นอนหลังการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทยคงยังได้เป็นรัฐบาลอยู่ ซึ่งเป็นต้องทำหน้าที่ปฏิรูปการเมือง โดยในขณะเดียวกันก็มีฝ่ายต่อต้านทักษิณคอยระแวงและตรวจสอบขั้นตอนการทำงานตลอดเวลา ซึ่งในที่สุดผลพลอยได้ก็คือจะเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ทำให้สังคมสามารถถ่วงดุลกับรัฐบาลได้อย่างแท้จริง

นอกจากจะสามารถถ่วงดุลตัวรัฐบาลได้แล้ว ยังจะสามารถควบคุมการร่างหรือเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญใหม่ไ้ด้ โดยจะสามารถตอบสนองต่อกลุ่มคนได้ดียิ่งขึ้น สร้างกลไกที่ใส่ใจชาวบ้านโดยที่ไม่รอให้เขาต้องลงทุนเข้ากทม.ออกรายการ “ถึงลูกถึงคน” อย่างคุณยายไฮและท่านอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนจากรัฐ

แต่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่คปค.ได้กระทำการลดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นลงเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ให้มีการชุมนุมเกินห้าคนก่อนหน้านี้รวมไปถึงการปิดสื่อในอินเตอร์เนต โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุดเมื่อ 29 ก.ย. กระทรวง ICT ได้ปิดเวบมหาลัยฯเที่ยงคืนอย่างกะทันหัน ทำให้ข้อมูลในเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างมหาศาลสูญหายไปทันที(ลงชื่อคัดค้านที่http://www.petitiononline.com/freeweb/petition.html)

ถ้าจะกล่าวว่าการรัฐประหารเป็นการถอยหลังเพื่อเริ่มก้าวครั้งใหม่ สำหรับฝ่ายไม่เห็นด้วยเห็นว่านอกจากจะเป็นการถอยหลังแล้วยังเป็นการถอยหลังจากที่เคยก้าวออกมาแล้ว สรุปก็คือสังคมไทยกลับไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเลยมัวแต่เดินอยู่กับที่ ในอนาคตวงเวียนเดิมๆนี้ก็จะหมุนครบรอบใหม่ของมันอีกครั้ง

แต่อย่างที่ผมได้เขียนไว้ในเมื่อรัฐประหารได้เกิดขึ้นไปแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่จะทำให้การปฏิรูปครั้งนี้สมบูรณ์จิง นั้นก็คือพลังในการเข้ามามีส่วนรวมของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบหรือยื่นข้อเสนอแนวทางต่างๆรวมไปถึงการเคลื่อนไหวด้วย แต่ปัญหาก็คือพลังที่ว่านี้ได้เริ่มอ่อนลงไปมากแล้ว…

powered by performancing firefox